เลือกซื้อโต๊ะทำงาน ให้เหมาะกับการใช้งานในออฟฟิศ

การเลือกโต๊ะทำงานเป็นเรื่องสำคัญพอๆ กับการเลือกซื้อเตียงนอน หรือเฟอร์นิเจอร์และของใช้อื่นๆ ที่คุณต้องใช้เวลาอยู่กับมันนานๆ เพราะคุณต้องใช้เวลาอยู่บนโต๊ะทำงานประมาณ 8 ชั่วโมงต่อวัน หรือประมาณ 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ดังนั้นการเลือกโต๊ะทำงานจึงต้องเลือกให้เหมาะกับการใช้งานจริง ไม่ว่าจะเป็นการเลือกเพื่อใช้งานเอง หรือเลือกให้ออฟฟิศของคุณก็ตาม วันนี้อจะมาแนะนำการเลือกซื้อโต๊ะทำงานกันค่ะ

หากส่วนใหญ่แล้วคุณทำงานโดยใช้คอมพิวเตอร์ ควรเลือกโต๊ะที่ดีไซน์มาเพื่อวางโน้ตบุ๊กหรือวางพีซี หากเป็นการใช้งานพีซี สิ่งที่ควรคำนึงต่อมา คือเรื่องของพื้นที่ผิวหน้าโต๊ะหรือพื้นที่ท็อปโต๊ะที่ต้องเพียงพอต่อการวางจอ แป้นพิมพ์ เม้าส์ และอุปกรณ์อื่นๆ ที่จำเป็นต่อการทำงาน

โต๊ะทำงานที่เน้นการทำงานเอกสาร

โต๊ะทำงานที่เหมาะกับการทำงานเอกสาร ควรเป็นโต๊ะทำงานที่มีพื้นที่ท็อปโต๊ะกว้าง เพื่อการวางเอกสาร แฟ้มงานได้อย่างสะดวก และหากต้องการพื้นที่เก็บเอกสารด้วย ควรเลือกโต๊ะทำงานที่มีลิ้นชัก หรือตู้ข้างโต๊ะ

โต๊ะทำงานที่ใช้งานหลายฟังก์ชั่น

สำหรับบางคนที่ใช้โต๊ะทำงานทั้งการวางคอมพิวเตอร์ ทำงานเอกสาร และบางครั้งอาจมีการประชุมเล็กๆ ร่วมด้วย ควรเลือกใช้โต๊ะทำงานที่เป็นรูปทรงตัว L เนื่องจากเป็นโต๊ะทำงานที่มีขนาดพื้นี่ใช้สอบบริเวณท็อปโต๊ะกว้าง และมีพื้นที่หน้าโต๊ะมากพอให้วางเก้าอี้เพื่อการประชุมย่อยอย่างน้อย 2-3 ตัว

เลือกโต๊ะทำงานโดยคำนึงถึงอุปกรณ์ที่ต้องวางบนโต๊ะ

อีกหนึ่งปัจจัยที่ใช้ในการเลือกโต๊ะทำงาน คือต้องดูว่าในขณะทำงานคุณเป็นคนใช้งานโต๊ะทำงานแบบไหน บางคนทำงานโดยต้องการพื้นที่ท็อปโต๊ะมากๆ เพื่อสะดวกแก่การวางอุปกรณ์ที่ใช้ในการทำงาน จะหยิบอะไรมาใช้ก็หยิบได้เลยจากบนโต๊ะ ดังนั้นโต๊ะทำงานของคุณควรจะเป็นต้องที่มีความท็อปโต๊ะกว้างมากพอให้วางอุปกรณ์ทั้งหมดในคราวเดียวกัน แต่หากในขณะทำงาน คุณใช้อุปกรณ์ไม่กี่ชิ้น มีเพียงแค่โน้ตบุ๊กและแก้วกาแฟหนึ่งใบ และไม่ต้องวางของบนโต๊ะทำงานมากนัก คุณควรเลือกโต๊ะทำงานที่มีขนาดกะทัดรัด ไม่จำเป็นต้องใช้พื้นที่หน้าโต๊ะมากก็ได้

ไม้กั้นรถมีกี่แบบและแตกต่างกันอย่างไร

ไม้กั้นรถอัตโนมัติ เป็นอีกหนึ่งสินค้า ในกลุ่มเครื่องกั้นทางแบบต่างๆ ที่สามารถพบเห็นได้บ่อยในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็น ทางเข้าออกอาคาร หมู่บ้าน ลานจอดรถต่างๆ ห้างสรรพสินค้า ทางด่วน เครื่องกั้นรถยนต์ หรือ แขนกั้นรถยนต์อัตโนมัตินั้น ประกอบด้วย 2 ส่วนหลักๆ นั้นคือ ตัวตู้เครื่องกั้น ที่มีในส่วนของ มอเตอร์ โช๊ค หรือ สปริง เพื่อยกำม้กั้นรถ และ ในส่วนของไม้กั้น ที่เป็นอลูมิเนียม ซึ่งมีความยาวแตกต่างกันในการใช้งาน กล่าวคือ ไม้กั้นสำหรับรถจักรยานยนต์ จะมีขนาด 1 เมตร และ สำหรับรถบรรทุกขนาดใหย่ จะสามารถใช้ไม้สูงสุดได้ถุึง 6 เมตร ในส่วนของไม้กั้นรถนั้น จะมีไม้หลายแบบ แต่ละแบบก็มีการใช้งานต่างกัน โดยสามารถอธิบายความแตกต่างได้ดังนี้

ไม้กั้นรถมีกี่แบบแตกต่างกันอย่างไร

  • ไม้กั้นรถแบบฟิก คือไม้ที่เป็นการติดตั้งแบบถาวร เมื่อมีการชน ไม้จะไม่หลุดออกจากตัวจับ หรือตู้ จะเป็นไม้ 8 เหลี่ยมที่มีขนาด 10 cm
  • ไม้สวิง หรือ ไม้กั้นรถแบบหลุด เป็นไม้กั้นรถที่เมื่อเกิดการชน แล้วจะหลุดจากตู้ จะเป็นไม้ 8 เหลี่ยม ที่มีขนาด 8 cm
  • ไม้นวม หรือ ไม้กลม มักจะเป็นไม้พิเศษ ที่ใช้กั้นตามเครื่องกั้นทางของทางด่วน มีลักษณะ เป็นไม้ที่มีทรงกลมๆ เหมือนกระสอบทรายในแนวนอน เป็นไม้ที่เมื่อชน จะสวิงออกไปด้านหลัง ไม่หลุดจากตู้ และไม่เกิดความเสียหาย เนื่องจากตรงนวมเป็น วัสดุซับแรงกระแทก โดยปกติแล้วไม้แบบนี้จะไม่มีขายทั่วไป

นอกจากนี้ยังมีในส่วนของไม้กลม ที่เป็นการแปลงท่อเหล็ก (แป๊ปเหล็ก) เพื่อความสะดวกในการหาไม้ทดแทน จึงไม่นับเป็นไม้กั้นรถแบบมาตรฐาน ดังนั้นเมื่อทราบว่าเราใช้ไม้แบบใด เวลาหาซื้อ หรือ เลือกซื้อ ก็สามารถเลือกได้ตรงกับความต้องการมากขึ้น

ธุรกิจการส่งออกระหว่างประเทศ กำลังมีมีบทบทบาทที่สำคัญอย่างมากในเวลาปัจจุบันนี้

ประเทศไทยเป็นแหล่งความอุดมสมบูรณ์ทางด้านการเกษตรและเป็นแหล่งวัตถุดิบสำคัญไม่ว่าจะเป็นพืชผักและผลไม้ต่าง ๆ เพราะพื้นที่ของประเทศไทยส่วนใหญ่นั้นเป็นพื้นที่ ๆ  เหมาะสมสำหรับการทำการเกษตรที่เกี่ยวกับพืชผลทางธุรกิจ ซึ่งภายในประเทศไทยเองก็ขึ้นชื่อในเรื่องของการปลูกข้าวที่เป็นอันดับแรกของโลกที่มีข้าวขาวที่มีความบริสุทธิ์และหอมหวานจากธรรมชาติ

จากการที่ประเทศไทยได้เป็นประเทศที่ขึ้นชื่อในเรื่องของการเป็นแหล่งผลิตวัตถุดิบทางธรรมชาติที่มีคุณภาพนี้เองทำให้นักธุรกิจทางต่างประเทศเองก็มีความสนใจที่จะใช้บริการกับธุรกิจทางด้านการเกษตรของประเทศไทย จึงทำให้มีเรื่องของ ธุรกิจการส่งออกระหว่างประเทศ เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับทางด้านนี้โดยตรง ซึ่งรูปแบบติดต่อกันในเรื่องของการทำธุรกิจระหว่างประเทศนี้เองก็ได้มีการทำข้อตกลงกันเพื่อที่จะนำสินค้าจากประเทศไทยเหล่านี้นำไปขายส่งต่อภายในตลาดต่างประเทศที่ไม่สามารถเพาะปลูกผลผลิตบางอย่างได้จึงจำเป็นที่จะต้องมีการติดต่อซื้อขายผลผลิตทางการเกษตรจากประเทศไทยในบางชนิดที่จำเป็นและเป็นที่ต้องการสำหรับชาวต่างประเทศที่จะนำไปใช้ในการทำอาหารหรือการทำธุรกิจค้าขายสินค้าต่าง ๆ และเรื่องของ ธุรกิจการส่งออกระหว่างประเทศ ที่มีความจำเป็นจะต้องมีการขนย้ายสินค้าไปให้แต่ละประเทศนั้นก็มีรูปแบบการให้บริการส่งออกในรูปของการขนส่งทางอากาศที่ได้มีการใช้เครื่องบินขนสินค้าไปส่งให้กับประเทศที่ได้มีการทำข้อตกลงเอาไว้หรือการส่งออกทางน้ำที่จะใช้การขนสินค้าผ่านทางตู้คอนเทนเนอร์ผ่านทางเรือขนส่งสินค้า ซึ่งรูปแบบการขนส่งสินค้าส่วนใหญ่แล้วจะนิยมใช้การส่งสินค้าผ่านทางเรือเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งทำให้เรื่องธุรกิจทางการเกษตรภายในประเทศไทยเองก็กำลังมีการพัฒนารูปแบบการเพิ่มประสิทธิภาพและคุณภาพของผลผลิตของสินค้าทางด้านทางการเกษตรที่ได้มีการปรับปรุงและดัดแปลงให้มีมาตรฐานมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ทำให้การทำธุรกิจระหว่างประเทศในเรื่องของการขายสินค้ากันนั้นกำลังเป็นเรื่องที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบันนี้

ธุรกิจการส่งออกระหว่างประเทศ จึงมีบทบาทสำคัญเป็นอย่างมากในการส่งสินค้าเพื่อเสริมสร้างรายได้ให้เข้ามาสู่ประเทศไทยที่กำลังมีประสบปัญหาทางด้านเงินทุนสำหรับการปันผลของชาวเกษตรกรที่จะต้องมีเงินสำหรับการนำมาลงทุนสำหรับการทำธุรกิจเพื่อที่จะนำมาหมุนเวียนทำต่อในช่วงฤดูกาลสำหรับการเพาะปลูกเพราะเรื่องของการทำธุรกิจทางการเกษตรนั้นมีความจำเป็นที่จะต้องมีการทำเกษตรหมุนเวียนเพราะพืชผลที่ทำการเพราะปลูกในแต่ละชนิดนั้นมีความแตกต่างกันในเรื่องของฤดูกาลในการเพาะปลูกจึงจำเป็นที่จะต้องมีการขายผลผลิตเพื่อนำเงินจากการขายนี้มาเป็นทุนในการซื้อเมล็ดสำหรับการเพาะปลูกในครั้งถัดไป